*อย่าเพิ่งซื้อเครื่องเดินวงรี หากคุณยังไม่เคยอ่านบนความนี้ เพียงใช้เวลาอ่าน 10-20 นาที เพื่อช่วยให้คุณประหยัดเงินได้หลักพัน ถึงหมื่น

IRONTEC เขียนบทความนี้ขึ้นสำหรับคุณ ที่ยังไม่เคยซื้อเครื่องเดินวงรีมาก่อน หรือคนที่เคยซื้อเครื่องเดินราคาแสนแพงเมื่อนานมาแล้ว เราหวังว่าบทความนี้จะมีประโยชน์

มีอยู่ “10 ข้อ” ที่คุณต้องรู้ ก่อนที่คุณจะเลือกเครื่องเดินวงรีที่คุ้มค่าต่อความต้องการของคุณ หากคุณอ่านจบแล้ว และยังมีข้อสงสัยอยู่ เรายินดีให้คำแนะนำเพิ่มเติม

10 ข้อที่คุณต้องเข้าใจ ก่อนเลือกซื้อเครื่องเดินวงรี

หากคุณเริ่มหาข้อมูลในการซื้อเครื่องเดินวงรี คุณจะพบว่ามันมีสินค้าหลายแบบ หลายรุ่น หลายร้านที่หน้าตา และ ราคาต่างกัน ทำให้คุณเกิดความสับสนว่าควรจะเลือกเครื่องไหนที่เหมาะสมและคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไปที่สุด ทางเราจึงได้ทำบทสรุป 10 ข้อ ที่คุณต้องเข้าใจ ก่อนที่จะเลือกซื้อเครื่องเดินวงรีได้อย่างเหมาะสม หลังจากคุณอ่านจบ 10 ข้อนี้ คุณจะมีความรู้เพียงพอ เพื่อไปเปรียบเทียบเครื่องเดินวงรีต่างๆ เรามาหาคำตอบกันในบทความนี้ครับ

ข้อที่ 1. เครื่องเดินวงรี ต่างกับ ลู่วิ่งยังไง

หลายๆคนลังเล ว่าควรเลือกซื้อเครื่องเดินวงรี หรือ ลู่วิ่งไฟฟ้าดี มาไว้ที่บ้าน เพราะอุปกรณ์สองชนิดที่มีความคล้ายกันในการก้าวท้าวเพื่อออกกำลังกาย แต่จริงๆมีความแตกต่างกันอย่างมาก ยิ่งถ้าคุณต้องการเครื่องออกกำลังกาย 1 เครื่องเพื่อแบ่งกันใช้งานที่บ้าน ต้องคำนึงถึงข้อแตกต่างนี้ให้ดี

เครื่องเดินวงรี แตกต่างกับลู่วิ่งไฟฟ้า 4 ข้อหลักๆ

(A) ออกกำลังกายได้ทั้งส่วนบนและส่วนล่าง – เครื่องเดินวงรีนั้น เกือบทุกตัวจะมีคันโยกสำหรับใช้มือจับ ทำให้สามารถบริหารกล้ามเนื้อได้เกือบครบทุกส่วนของร่างกาย

(B) ไม่มีแรงกระแทกของข้อเข่า – เครื่องเดินวงรีไม่มีแรงกระแทกส่งต่อมาที่ข้อเข่า เพราะลักษณะเหมือนการเดินบนอากาศ จึงเหมาะกับคนที่มีน้ำหนักตัวมาก และไม่อยากเจ็บเข่า

(C) เสียงที่เงียบกว่าลู่วิ่งไฟฟ้า – เครื่องเดินวงรีไม่ต้องใช้มอเตอร์ไฟฟ้าเหมือนลู่วิ่ง ทำให้เสียงเงียบ ใช้งานได้ไม่รบกวนคนที่อยู่ในห้องเดียวกัน

(D) สามารถเดินถอยหลังได้ – เครื่องเดินวงรีนั้น สามารถเดินถอยหลังได้ สำหรับคนที่ต้องการได้ประโยช์น ของการเดินถอยหลัง

เครื่องเดินวงรี ออกกำลังกายได้ทั้งส่วนบนและส่วนล่าง

เครื่องเดินวงรีสามารถเดินและใช้คันโยกพร้อมกันได้ ทำให้สามารถบริหารกล้ามเนื้อได้เกือบทุกส่วนของร่างกาย กล้ามเนื้อที่เครื่องเดินวงรีบริหารได้นั้นแบ่งเป็นสองแบบคือ กล้ามเนื้อหลัก และ กล้ามเนื้อรอง

(A) กล้ามเนื้อหลักที่ได้ –  จะเป็นกล้ามเนื้อส่วนล่างทั้งหมด คือ1.น่อง 2. ต้นขาหลัง 3. ต้นขาหน้า 4. ก้น

(B) กล้ามเนื้อรองที่ได้ – จะเป็นกล้ามเนื้อส่วนบนที่ได้จากการใช้คันโยก กล้ามเนื้อที่ได้ 1.หัวไหล่ 2.หน้าอก 3.หน้าแขน 4.หลังแขน 5.หน้าท้อง 6.หลัง 

และหากอยากบริหารส่วนบนมากกว่าส่วนล่าง สามารถทำได้โดยการออกแรงจากแขนในการเคลื่อนไหวมากกว่าขา

ส่วนลู่วิ่งนั้นจะใช้แรงจากกล้ามเนื้อส่วนล่างเป็นหลัก ไม่สามารถบริหารกล้ามเนื้อส่วนบนได้เหมือนเครื่องเดินวงรี

เครื่องเดินวงรี ไม่มีแรงกระแทกเวลาเดิน

เครื่องเดินวงรีถูกออกแบบมาให้เท้าของผู้เล่นติดอยู่กับที่เหยียบตลอดเวลา ทำให้ไม่มีแรงกระแทกพื้น ลักษณะการใช้งานจะเหมือนการเดินอยู่บนอากาศ ทำให้ไม่มีผลเสีย และเกิดการสึกหรอของข้อเข่า 

ด้วยจุดเด่นที่ไม่มีแรงกระแทก เครื่องเดินวงรีนั้นจึงเหมาะมากสำหรับ 1.คนที่มีน้ำหนักตัวมาก 2.ผู้สูงอายุ 3.คนที่มีปัญหาเจ็บเข่าแต่ต้องการออกกำลังกาย และ 4.คนที่อยากพัฒนาให้ข้อเข่าแข็งแรง หรือคนที่อยากทำกายภาพบำบัด 

ลู่วิ่งไฟฟ้าแตกต่างจากเครื่องเดินวงรีตรงนี้ จะมีแรงกระแทกทุกครั้งที่เท้าแตะพื้น ส่งผลให้เกิดภาระที่ข้อเข่ามากขึ้น ซึ่งหากคุณเป็นคนที่ออกกำลังกายเป็นประจำ และแข็งแรง ส่วนนี้จะไม่เป็นปัญหาสำหรับคุณ แต่หากคุณมีปัญหาเรื่องข้อเข่าควรหลีกเลี่ยงการใช้ลู่วิ่งไฟฟ้า

ลู่วิ่งไฟฟ้าจึงเหมาะกับ 1.นักกีฬา 2.คนที่มีความแจ็งแรง และ 3.คนที่ออกกำลังกายเป็นประจำ

เครื่องเดินวงรีมีเสียงที่เงียบกว่าลู่วิ่งไฟฟ้า

เครื่องเดินวงรีไม่มีมอเตอร์ไฟฟ้า ทำให้ไม่เกิดเสียงรบกวนเหมือนการใช้งานลู่วิ่งไฟฟ้าที่เสียงของมอเตอร์จะยิ่งดังขึ้นหากคุณปรับความเร็วมากขึ้น และยังมีเสียงจากการกระแทกพื้นจากเท้าเวลาวิ่งอีกด้วย

หากคุณกังวลเรื่องเสียงรบกวนคนอื่น เครื่องเดินวงรีนั้นเป็นอุปกรณ์ที่เหมาะสำหรับคุณ เพราะสามารถวางไว้ในห้องนั่งเล่น ห้องนอน หรือคอนโด โดยที่จะไม่สร้างเสียงรบกวนให้คนรอบข้างเมื่อคุณออกกำลังกาย

เครื่องเดินวงรี สามารถเดินถอยหลังได้

เครื่องเดินวงรีสามารถเดินถอยหลังได้ ซึ่งลู่วิ่งไฟฟ้าไม่สามารถทำได้ และเครื่องเดินวงรียังสามารถเดินถอยหลังได้อย่างปลอดภัยอีกด้วย ประโยชน์ของการเดินถอยหลังนั้นมีมากมายรวมถึง 1.ช่วยบริหารกล้ามเนื้อขาส่วนที่ไม่ได้ถูกใช้งาน 2.สร้างทักษะการทรงตัวที่ดีขึ้น 3.ฝึกสมองให้มีการทำงานดีขึ้น 4.ลดการปวดข้อเข่าและหลังส่วนล่าง

ข้อ 2. การเคลื่อนที่แบบวงรี

ข้อสำคัญที่ต้องเน้นสำหรับคนที่ซื้อเครื่องเดินวงรีจากออนไลน์และไม่ได้เห็นหรือลองสินค้าจริง คือต้องดูให้ดีว่าเครื่องที่เราเลือกนั้นการเดินเป็นลักษะของวงรี หรือเป็นแบบวงกลม 

จุดสังเกตุง่ายๆคือเครื่องส่วนมากที่เป็นเครื่องตัวเล็ก มักจะมีระยะก้าวที่สั้น (เราได้อธิบายเรื่องระยะก้าวในข้อ 3) และการเดินจะออกเป็นแนววงกลม การที่เครื่องเดินเป็นวงกลมนั้นจะมีลักษณะเหมือนการเดิมแบบย่ำ แต่เครื่องที่เดินได้เป็นวงรีจะให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติเหมือนการเดินจริง

สิ่งที่ดีที่สุดคือต้องไปลองสินค้าจริง หรือหากคุณไม่ได้อยู่ใกล้กับโชว์รูมที่มีสินค้าที่คุณสนใจ สามารถสังเกตได้จากวีดีโอรีวิว และดูลักษณะว่าการเดินนั้นเป็นวงกลม หรือวงรี

ข้อ 3. ระยะก้าวคืออะไร

ข้อมูลทางเทคนิคที่สำคัญที่สุดสำหรับเครื่องเดินวงรีก็คือ “ความยาวระยะก้าว” ระยะก้าว เป็นตัวบอกว่าเครื่องตัวนั้นก้าวได้ยาว มาก-น้อยเท่าไหร่ เพราะแต่ละเครื่องที่คุณสนใจนั้น จะมีระยะก้าวไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับการออกแบบและราคาของแต่ละเครื่อง ระยะก้าวก็คือ ระยะที่ห่างที่สุดของที่เหยียบทั้งสองข้าง

คำแนะนำคือ เราจะไม่เลือกเครื่องจากระยะก้าวที่ยาวที่สุด แต่เราจะเลือกจากระยะก้าวที่เหมาะสมกับส่วนสูงของเรา หากคุณตัวสูงและเลือกเครื่องที่ระยะก้าวสั้น คุณก็จะเดินไม่ได้อย่างเป็นธรรมชาติ เพราะคนที่ตัวสูงเวลาเดินปกติ จะมีระยะก้าวที่ยาวกว่าคนที่สูงน้อย

แน่นอนว่าเครื่องที่มีระยะก้าวที่ยาว ย่อมมีราคาที่สูงกว่าเครื่องที่ระยะก้าวสั้น เพราะการที่จะออกแบบให้เครื่องก้าวได้ยาวนั้น ตัวเครื่องก็ต้องมีขนาดใหญ่ตามไปด้วย 

วิธีวัดระยะก้าวของเครื่อง

หากร้านที่คุณกำลังเลือกซื้อนั้นเป็นร้านค้าที่เป็นมืออาชีพ จะต้องมีข้อมูลระยะก้าวระบุไว้ในสเปคสินค้าอยู่แล้ว ข้อควรระวังคือการแจ้งข้อมูลระยะก้าวที่ไม่จริงจากร้านค้า

วิธีวัดระยะก้าวทำได้ง่ายๆ

1.ปรับตำแหน่งของที่เหยียบให้อยู่ในระยะที่ฉีกห่างออกจากกันที่สุด

2.วัดจากด้านท้ายของที่เหยียบด้านหน้า ไปถึงด้านท้ายของที่เหยียบด้านหลัง

 

ข้อ 4. คุณควรเลือกระยะก้าวเท่าไหร่

คุณควรเลือกระยะก้าวจากความสูงของคุณ ระยะก้าวของแต่ละคนไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับส่วนสูงของผู้ใช้งาน ถ้าคุณเลือกเครื่องที่ระยะก้าวสั้น แต่ตัวคุณสูง คุณจะเดินได้ไม่เต็มกาว ข้างล่างคือคำแนะนำของเรา

  • สูงน้อยกว่า 150cm – เลือกระยะก้าว 11-14 นิ้ว
  • สูง 150cm – 160cm – เลือกระยะก้าว 14-16 นิ้ว
  • สูง 160cm – 170cm – เลือกระยะก้าว 16-20 นิ้ว
  • สูง 170cm – 175cm – เลือกระยะก้าว 18-20 นิ้ว
  • สูงมากกว่า 175cm – เลือกระยะก้าว 20นิ้ว ขึ้นไป

ตัวอย่างการเปรียบเทียบ ระยะก้าว

เราได้ยกตัวอย่างการเปรียบเทียบระยะก้าวจากเครื่องเดินวงรีทั้ง 5 รุ่น เป็นตัวอย่างให้คุณได้ดู จากภาพด้านบนจุดสังเกตุหลักๆเลยคือ 

1.เครื่องที่มีระยะก้าวยาวมักจะมีราคาที่สูงกว่า – เพราะการที่จะออกแบบให้เครื่องตัวนั้นเดินได้ยาว ตัวเครื่องต้องมีความยาวเพิ่มขึ้นด้วย โครงสร้างต้องใหญ่ขึ้น วัสดุต้องใช้เยอะขึ้น

2.เครื่องที่มีระยะก้าวยาว จะมีขนาดตัวสินค้าที่ใหญ่กว่า – ซึ่งขนาดที่ใหญ่มาพร้อมกับความแข็งแรงที่มากขึ้น

เราแนะนำวิธีเลือกดังนี้: หากไม่มั่นใจ ควรเลือกเครื่องที่ระยะก้าวยาว ดีกว่าเลือกเครื่องที่ระยะก้าวสั้น แล้วก้าวขาได้ไม่เต็มที่

ข้อ 5. เครื่องเดินวงรี ล้อหน้า หรือ ล้อหลัง

เครื่องเดินวงรีหลักๆมีการออกแบบ อยู่ 2 แบบที่แตกต่างกัน

(A) ระบบล้อหลัง – มีที่เหยียบอยู่ด้านหน้า ระบบนี้ที่เหยียบจะลอยอยู่บนอากาศ ลักษณะการเดิน เหมือนเดินบนอากาศ ข้อดีคือมีราคาที่ต่ำกว่าแบบล้อหน้า และไม่มีเสียง เพราะไม่มีลูกล้อ แต่ข้อเสียก็คือ รับน้ำหนักได้น้อยกว่า (เพราะที่เหยียบลอยอยู่บนอากาศ) และ ส่วนมากระยะก้าวของเครื่องระบบนี้จะสั้นกว่า ระบบล้อหน้า รางหลัง

(B) ระบบล้อหน้า รางหลัง – มีที่เหยียบอยู่ด้านหลัง และล้ออยู่ด้านหน้า ระบบนี้ที่เหยียบจะอยู่บนราง และ ลูกล้อจะเคลื่อนไปตามราง ข้อดีคือรูปแบบการเดินเป็นวงรีมากกว่า และ รับน้ำหนักผู้เล่นได้เยอะกว่า ส่วนข้อเสียคือมีราคาที่สูงกว่า และ มีเสียงลูกล้อกระทบกับราง

ส่วนมากระบบล้อหน้า รางหลัง ราคาจะสูงกว่า การออกแบบซับซ้อนกว่า หากงบประมาณมีเพียงพอ แนะนำให้เลือกแบบ ระบบล้อหน้า รางหลัง เพราะฟีลลิ่งในการเดินดี และการก้าวเป็นธรรมชาติกว่า

ข้อ 6. น้ำหนักจานล้อมีผลยังไง

เครื่องเดินวงรีทุกตัวไม่ว่าจะเป็น ระบบล้อหน้า หรือ ระบบล้อหลัง จะมีจานล้ออยู่ข้างใน เครื่องเดินวงรีทุกตัวจะใช้น้ำหนักจากจานล้อเพื่อสร้างแรงเหวี่ยงในการเดิน ยิ่งเครื่องตัวไหนล้อหนัก การเดินก็จะสนุกสมจริงมากขึ้น แต่จานล้อนั้น มีน้ำหนักมาก และเป็นต้นทุนที่เยอะสำหรับการผลิตเครื่องเดินวงรี เพราะฉะนั้นเครื่องที่มีล้อหนัก ก็มักจะตามมาด้วยราคาที่สูง

ล้อหนัก vs ล้อเบา ให้ความรู้สึกต่างกันยังไง

เครื่องที่จานล้อมีน้ำหนักเยอะ จะให้ฟีลลิ่งการเดินที่สมูทกว่า เพราะจานล้อที่หนักจะทำให้เกิดแรงเหวี่ยงที่มากขึ้น การเดินจะเป็นธรรมชาติกว่า 

คำแนะนำในการเลือกน้ำหนักล้อ

เราแนะนำการเลือกน้ำหนักล้อแบ่งออกเป็นสามช่วงหลักดังนี้

  • น้ำหนักล้อ 1-4 กิโล – เรียกว่าน้ำหนักน้อย ไม่ควรเลือก ยกเว้นงบประมาณที่จำกัดจริงๆส่วนมากจะอยู่ในเครื่องขนาดเล็ก
  • น้ำหนักล้อ 5-7 กิโล – เป็นช่วงน้ำหนักที่มาตรฐาน สามารถใช้งานได้ เครื่องเดินวงรีราคาระดับกลางส่วนมากในตลาดจะมีน้ำหนักจานล้ออยู่ในช่วงนี้
  • น้ำหนักล้อ 8-10 กิโล – เรียกว่าน้ำหนักมาก แนะนำหากงบประมาณไหว แต่ราคาอาจจะสูงกว่าพอสมควร

ข้อ 7. ระบบแรงต้านมีกี่แบบ

เครื่องเดินวงรีส่วนใหญ่จะใช้ระบบแม่เหล็กในการสร้างแรงต้าน ซึ่งข้อดีของระบบแม่เหล็ก ก็คือ 1.เดินแล้วไม่มีเสียง เพราะไม่มีการเสียดสีของจานล้อ และ 2.ไม่ต้องดูแลรักษา เพราะไม่มีการเสียดสี จึกไม่มีการสึกหรอ

วิธีการทำงานของระบบแม่เหล็กคือการที่แม่เหล็กขยับเข้าใกล้จานล้อเพื่อใช้สนามแม่เหล็กเป็นตัวสร้างความหนืดในการเดิน และเช่นเดียวกัน เมื่อแม่เหล็กขยับออกห่างจากจานล้อ แรงต้านก็จะลดลง

ระบบการปรับแรงต้านหลักๆมีอยู่ 2 แบบ

1.ระบบแม่เหล็ก แบบใช้มือหมุนลูกหมุนปรับแรงต้าน – เป็นระบบที่พบเห็นมากที่สุด ราคาถูกกว่าระบบแม่เหล็กไฟฟ้า ใช้การบิดลูกหมุนเพื่อนทำให้แผ่นแม่เหล็กขยับเข้าใกล้ หรือ ห่างจากจานล้อเพื่อสร้าง หรือ ลดแรงต้าน ส่วนมากระบบนี้จะปรับแรงต้านได้ 8 – 15 ระดับ แล้วแต่เครื่อง

2.ระบบแม่เหล็กไฟฟ้า แบบใช้การกดปุ่มในการปรับ – เป็นระบบที่ซับซ้อนขึ้นมา และมีราคาที่แพงกว่า แต่ปรับแรงต้านได้สะดวก และปรับระดับแรงต้านได้ละเอียดกว่า (เช่นบางเครื่องอาจจะปรับได้ถึง 20-30 ระดับ) ใช้การกดปุ่มที่หน้าจอในการปรับแรงต้าน เมื่อเรากดปุ่ม หน้าจอจะสั่งงานไปที่มอเตอร์ไฟฟ้าขนาดเล็กที่คอยขยับตัวแผ่นแม่เหล็กให้เข้าใกล้ หรือ ห่างจากจานล้อ

ข้อ 8. ฟังก์ชั่นหน้าจอเครื่องเดินวงรี

จากประสบการณ์ของเรา เครื่องเดินวงรีต้องมี 5 ฟังก์ชั่นหลัก ให้สอบถามทางร้านให้ดีว่ามี 5 ฟังก์ชั่นนี้หรือไม่ เพราะเป็นฟังก์ชั่นที่มีประโยชน์ได้แก่ 1.เวลา 2.ความเร็ว 3.ระยะทาง 4.แคลอรี่ และ 5.ชีพจรหัวใจ 

เครื่องเดินวงรีบางเครื่องอาจจะมีฟังก์ชั่นมากกว่า 5 อย่าง หากมีมากกว่า นั่นคือฟังก์ชั่นเสริม เช่นบางเครื่องอาจจะมี RPM (วัดความเร็วรอบขา) หรือ WATT (วัดความแรงในการเดิน) ซึ่งบางคนอาจจะต้องการฟังก์ชั่นพวกนี้ แต่สำหรับคนออกกำลังกายทั่วไป เพียง 5 ฟังก์ชั่นข้างต้นก็เพียงพอต่อการใช้งานปกติ

ข้อ 9. โปรแกรมอัตโนมัติ

เครื่องเดินวงรีบางเครื่องจะมีโปรแกรมอัตโมมัติติดมาให้ด้วย แต่จะมีแค่รุ่นที่ ที่เป็นระบบแม่เหล็กไฟฟ้า และอาจจะไม่ได้มีทุกเครื่องต้องตรวจสอบดูให้ดี

โปรแกรมอัตโนมัติ คือการที่เครื่องจะปรับแรงต้านให้กับผู้เล่นเอง ขึ้นอยู่กับโปรแกรมที่เราเลือก ทำให้เพิ่มความท้าทายในการออกกำลังกายมากยิ่งขึ้น ซึ่งแต่ละเครื่องก็จะมีรูปแบบโปรมแกรมไม่เท่ากัน

วิธีอ่านค่าโปรแกรมอัตโนมัติ

โปรแกรมอัตโนมัติ จะปรับแรงต้าน ขึ้นลงให้คุณเอง คุณเพียงแค่เซ็ตเวลาที่ต้องการในการออกกำลังกายแต่ละครั้ง ส่วนมากวิธีการแสดงโปรแกรมที่เห็นบ่อยที่สุดจะเป็นรูปแบบกล่องสีเหลี่ยม กล่องที่ซ้อนกันมากขึ้นหมายถึงแรงต้านที่จะปรับเพิ่มขึ้น ส่วนกล่องที่ซ้อนกันน้อยลง คือแรงต้านที่ระบบจะปรับลดลง (ทั้งนี้แต่ละเครื่องอาจจะแสดงผลไม่เหมือนกัน ต้องตรวจสอบกับร้านค้าก่อนซื้อ)

จากตัวอย่างข้างบน สมมุติเราตั้งการทำงานโปรแกรมไว้ 20 นาที ทุกๆสองนาทีระบบจะปรับแรงต้านขึ้นลงให้เอง จากระดับ 2 ไป 4 ไป 6 ไป 8 ไป 10 และสังเกตุเมื่อกล่องสีเหลี่ยมลดลง ระบบจะปรับแรงต้านลงจาก 10 ไป 8 และปรับไปเรื่อยๆจนหมดเวลา 20 นาที

ข้อ 10. ปรับความชันรางเดิน

เครื่องเดินวงรี บางรุ่นสามารถปรับระดับความชันของรางเดินได้ เพิ่มการเผาผลาญ เหมือนกำลังเดินขึ้นเขา สามารถปรับขึ้นลงได้หลายระดับ เพิ่มความหลากหลายในการออกกำลังกาย ส่วนมากจะมาด้วยราคาที่สูงขึ้นเพราะการออกแบบมีความซับซ้อนมากกว่า

จากตัวอย่างจากรุ่น IV-E50 สามารถปรับความชันได้ 4 ระดับ และมี ระดับ 0 เป็นระดับเริ่มต้น (รางแบนราบกับพื้น) การปรับความชันแต่ละระดับเปลี่ยนฟีลลิ่งในการเดินเป็นอย่างมาก และยิ่งปรับสูงขึ้นเท่าไหร่ ยิ่งต้องออกแรงมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งหมายความว่าผู้ใช้จะเผาผลาญพลังงานได้มากกว่าในเวลาการออกกำลังกายเท่าเดิม

และนี้ก็คือ 10 สิ่งที่คุณต้องรู้ก่อนเลือกเครื่องเดินวงรี

เมื่อคุณอ่านจบแล้ว และยังมีข้อสงสัยอยู่ เรายินดีให้คำแนะนำเพิ่มเติม  หรือ

หากคุณต้องการดูเครื่องเดินวงรีที่เราคัดมาให้แล้ว และอยาก
ทดลองเครื่องจริงๆ ที่โชว์รูมของเรา กดปุ่มด้านล่าง